พุทธสุภาษิต เกี่ยวกับ หมวดปัญญา

พุทธสุภาษิต เกี่ยวกับ หมวดปัญญา ตามที่เคยรู้จัก พุทธสุภาษิต มีอยู่หลายคำ จะมีคำไหนที่เรารู้จักไหมนะ

รวมพุทธสุภาษิต เกี่ยวกับ หมวดปัญญา

พุทธสุภาษิต เกี่ยวกับ หมวดปัญญา ตามที่เคยรู้จัก พุทธสุภาษิต มีอยู่หลายคำ จะมีคำไหนที่เรารู้จักไหมนะ

  1. ขาดตาปัญญาเสียแล้ว ก็เหมือนคนตาบอด เหยียบลงไปได้ แม้กระทั่งไฟที่ส่องทาง
  2. คนฉลาดกล่าวว่า ปัญญาประเสริฐ เหมือนพระจันทร์ ประเสริฐกว่าดาวทั้งหลาย แม้ศีลสิริและธรรมของสัตบุรุษย่อมไปตามผู้มีปัญญา
  3. คนฉลาดกล่าวว่า ปัญญาแลประเสริฐสูงสุด
  4. คนที่อิ่มด้วยปัญญา ตัณหาจะครอบงำเอาไว้ในอำนาจไม่ได้
  5. คนผู้สดับน้อยนี้ ย่อมแก่ไป เหมือนวัวแก่ อ้วนแต่เนื้อ แต่ปัญญาไม่เจริญ
  6. คนมีปัญญา ถึงสิ้นทรัพย์ ก็ยังเป็นอยู่ได้
  7. คนมีปัญญา ถึงแม้ตกทุกข์ ก็ยังหาสุขพบ
  8. คนมีปัญญาทราม ได้ยศแล้ว ย่อมประพฤติสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์แก่ตน ย่อมปฏิบัติ เพื่อเบียดเบียนทั้งตนและผู้อื่น
    คำบาลี ยสํ ลทฺธาน ทุมฺเมโธ อนตฺถํ จรติ อตฺตโน อตฺตโน จ ปเรสญฺเจ หึสาย ปฏิปชฺชติ
  9. คนมีปัญญาประเสริฐกว่า คนโง่ถึงจะมียศก็หาประเสริฐไม่
  10. คนย่อมบริสุทธิ์ด้วยปัญญา
  11. คนย่อมเห็นเนื้อความด้วยปัญญา
  12. คนเกียจคร้านย่อมไม่พบทางด้วยปัญญา
  13. คนเขลามียศศักดิ์ ก็เป็นทาสของคนมีปัญญา, เมื่อเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้น คนฉลาดจัดการข้อได้แนบเนียน คนเขลาถึงความงมงายในข้อนั้น
  14. คนเราจะมองเห็นอรรถชัดแจ้งได้ด้วยปัญญา
  15. คนโง่ถึงมียศ ก็กลายเป็นทาสของคนมีปัญญา เมื่อมีเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้น บัณฑิตจัดการเรื่องใดอันเป็นเรื่องละเอียดก่อน คนโง่ย่อมถึงความหลงใหลในเรื่องนั้น
  16. คนโง่เขลามาประชุมกันแม้ตั้งกว่าพันคน พวกเขาไม่มีปัญญา ถึงจะพร่ำคร่ำครวญอยู่ตลอดร้อยปี ก็หามีประโยชน์ไม่ คนมีปัญญารู้เนื้อความแห่งภาษิต คนเดียวเท่านั้น ประเสริฐกว่า
  17. ความพินิจ ไม่มีแก่คนไร้ปัญญา
  18. ความสิ้นปัญญาย่อมเกิดเพราะความไม่ประกอบ
  19. ถึงสิ้นทรัพย์ ผู้มีปัญญาก็เป็นอยู่ได้, แต่อับปัญญา แม้มีทรัพย์ก็เป็นอยู่ไม่ได้
  20. ถ้าพึงเห็นสุขอันไพบูลย์ เพราะยอมเสียสละสุขส่วนน้อย ผู้มีปัญญาเล็งเห็นสุขอันไพบูลย์ ก็ควรสละสุขส่วนน้อยเสีย
  21. บรรดาความอิ่มทั้งหลาย ความอิ่มด้วยปัญญาประเสริฐ, ผู้อิ่มด้วยปัญญานั้นย่อมไม่เดือนร้อนด้วยกาม, ตัณหาครอบงำ ผู้อิ่มด้วยปัญญาไว้ในอำนาจไม่ได้
  22. ปราชญ์กล่าวชีวิตของผู้เป็นอยู่ด้วยปัญญา ว่า ประเสริฐสุด
  23. ปราชญ์ว่า ชีวิตที่อยู่ด้วยปัญญา ประเสริฐสุด
  24. ปัญญา ย่อมเกิดเพราะใช้การ
  25. ปัญญา เป็นดวงแก้วของคน
  26. ปัญญา เป็นแสงสว่างในโลก
  27. ปัญญาประเสริฐกว่าทรัพย์
  28. ปัญญาย่อมปกครองบุรุษนั้น
  29. ปัญญาย่อมเกิดเพราะความประกอบด้วยหลายประการ
  30. ปัญญาย่อมเจริญด้วยประการใด ควรตั้งตนไว้ด้วยประการนั้น
  31. ปัญญาเป็นรัตนะแห่งนรชน
  32. ปัญญาเป็นเครื่องปกครองตัว
  33. ปัญญาเป็นเครื่องวินิจฉัยสิ่งที่ฟังแล้ว ปัญญาเป็นเครื่องเพิ่มพูนเกียรติ และชื่อเสียง คนผู้ประกอบด้วยปัญญาในโลกนี้ แม้ในความทุกข์ก็หาความสุขได้
  34. ปัญญาเป็นเครื่องวินิจฉัยสิ่งที่ได้เล่าเรียน
  35. ปัญญาแล ประเสริฐกว่าทรัพย์
  36. ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจพิจารณา
  37. ผู้ขบคิดปัญหาอันลึกซึ้งด้วยใจ ไม่ทำกรรมชั่วอันไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูลเลย, ไม่ละทางแห่งประโยชน์ที่มาถึงตามเวลา, บัณฑิตทั้งหลายเรียกคนอย่างนั้นว่า ผู้มีปัญญา
  38. ผู้มีปัญญา ถึงพร้อมด้วยความรู้ ฉลาดในวิธีจัดการงาน รู้กาลและรู้สมัย เขาพึงอยู่ในราชการได้
  39. ผู้มีปัญญา พึงรู้ได้ด้วยการสนทนา
  40. ผู้มีปัญญา รู้เนื้อความแห่งภาษิตคนเดียวเท่านั้น ประเสริฐกว่า
  41. ผู้มีปัญญาอยู่ครองเรือน เป็นไปเพื่อประโยชน์แก่คนมาก
  42. ผู้รู้ย่อมสรรเสริญคนมีปัญญา พูดจริง ตั้งมั่นในศีล ประกอบความสงบใจนั่นแล
  43. ผู้ไม่ประมาท พินิจพิจารณา ตั้งใจฟัง ย่อมได้ปัญญา
  44. พึงวิจัยเรื่องราวตลอดสายให้ถึงต้นตอ
  45. ราคะ โทสะ ความมัวเมา และ โมหะ เข้าที่ไหน ปัญญาย่อมเข้าไม่ถึงที่นั้น
  46. รู้จักฟัง ย่อมได้ปัญญา
  47. สัตบุรุษสรรเสริญปัญญาแน่แท้ คนทั้งหลายชอบทรัพย์สมบัติ จึงใคร่ได้สิริ (ยศ) ก็ความรู้ของท่านผู้รู้ทั้งหลายชั่งไม่ได้ ทรัพย์จึงเกินกว่าปัญญาไปไม่ได้ ไม่ว่ากาลไหน ๆ
  48. เมื่อขาดปัญญา ถึงจะมีทรัพย์ ก็เป็นอยู่ไม่ได้
  49. เมื่อน้ำใส กระจ่างแจ๋ว ย่อมมองเห็นหอยกาบ หอยโข่ง กรวด ทราย และ ฝูงปลาได้ ฉันใด เมื่อจิตไม่ขุ่นมัว ย่อมมองเห็นประโยชน์ตน ประโยชน์ผู้อื่น ฉันนั้น
  50. ในเวลาที่ควรลุกขึ้นทำงาน ไม่ลุกขึ้นทำ ทั้งที่ยังหนุ่มแน่น มีกำลัง กลับเฉื่อยชา ปล่อยความคิดให้จมปลัก เกียจคร้าน มัวซึมเซาอยู่ ย่อมไม่ประสบทางแห่งปัญญา
  51. ไม่พึงละเลยการใช้ปัญญา

 แสดงความคิดเห็น