88 ปรัชญาจากพระคัมภีร์ไบเบิล ที่ใช้บ่อย ในชีวิตประจำวัน

ปรัชญาจากพระคัมภีร์ไบเบิล รวม 88 ปรัชญาจากพระคัมภีร์ไบเบิล ที่ใช้บ่อย มาทำการเรียนรู้กัน จะมีคำไหนที่เรารู้จักไหมนะ ไปดูกันเลย

รวม 88 ปรัชญาจากพระคัมภีร์ไบเบิลที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน

  1. การคิดเพียงนาทีเดียว มีค่ามากกว่าการพูดยาวถึงหนึ่งชั่วโมง.
    แปลว่า ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงตั้งยามเฝ้าปากของข้าพระองค์ โปรดรักษาประตูริมฝีปากของข้าพระองค์
  2. การตัดสินใจของท่าน อาจขัดแย้งกับ น้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า แต่ตัวท่านเอง จะไม่พ้นเอื้อมพระหัตถ์ของพระองค์ไปได้.
    แปลว่า แม้เราจะไม่ซื่อสัตย์ แต่พระองค์ก็ยังคงซื่อสัตย์ เหตุว่าพระคริสตเจ้า มิทรงสามารถปฏิเสธพระองค์เองได้
  3. การทำให้เนินเล็กเป็นภูเขาใหญ่นั้นไม่ยากเลย เพียงเติมผงเข้าไปทีละน้อย ทีละน้อยเท่านั้น.
    แปลว่า การเริ่มทะเลาะก็เหมือนกับน้ำที่รั่ว ดังนั้นจึงหยุดเสีย ก่อนที่จะเกิดเรื่องใหญ่
  4. การที่รู้ว่าท่านเป็นคริสตชนก็นับว่าดี แต่การแสดงตนเป็นคริสตชนย่อมดีกว่า.
    แปลว่า หากท่านรักกันและกัน คนทั้งหลายก็จะรู้ว่าท่านเป็นศิษย์ของเรา
  5. การพูดเป็นคำสุดท้าย ควรเป็นการกล่าวขออภัย
    แปลว่า ลูกรัก หากลูกตกเป็นเหยื่อของสิ่งที่พูด หรือถูกคำพูดของลูกเป็นกับดัก ก็จงทำดังนี้สิ จงปลดปล่อยตัวของลูกเสีย เมื่อลูกตกเป็นเหยื่อในเงื้อมมือของเพื่อนบ้านแล้ว จงถ่อมตนแล้ววิงวอนเพื่อนบ้านของลูก
  6. การมีอำนาจ ทำให้บางคนเติบโต แต่ทำให้บางคนเพียง บวมเท่านั้น.
    แปลว่า แต่ผู้ยิ่งใหญ่ในพวกท่าน ต้องเป็นผู้รับใช้ ผู้ใดยกย่องตัวเองจะถูกดึงให้ต่ำลง และผู้ใดที่ถ่อมตนลงจะได้รับการยกย่อง
  7. การเตรียมการเพื่อวันพรุ่ง ก็คือการมุ่งให้วันนี้ถูกต้อง.
    แปลว่า อย่าไปห่วงใยถึงวันพรุ่งนี้ พรุ่งนี้จะดูแลตัวของมันเอง เฉพาะวันนี้ ท่านก็มีเรื่องจะต้องห่วงใยพออยู่แล้ว
  8. การแต่งงานอาจจะถูกสร้างขึ้นบนสวรรค์ แต่การบรูณะซ่อมแซมต้องอยู่ในโลกนี้.
    แปลว่า ดังนั้น สามีจงรักภรรยา เหมือนรักตัวท่านเอง และภรรยาก็จงเคารพสามีของตน
  9. การให้อภัยคล้ายกับเป็นการปล่อยนักโทษให้เป็นอิสระ แล้วมาพบว่า นักโทษนั้นก็คือ ตัวคุณเอง
    แปลว่า หากท่านให้อภัยผู้ที่กระทำผิดต่อท่าน พระบิดาเจ้าก็จะทรงให้อภัยท่านด้วย แต่หากท่านไม่ให้อภัยผู้อื่น พระบิดาของท่านก็จะไม่ทรงให้อภัยแก่ท่านเช่นกัน
  10. ก้าวแรกที่นำไปสู่ความฉลาดก็คือ ความเงียบ ก้าวที่สอง คือ การรับฟัง
    แปลว่า ทั้งปราชญ์จะได้ยิน และเพิ่มพูนการเรียนรู้ ส่วนคนที่มีความเข้าใจ จะได้มีความช่ำชอง
  11. ของขวัญอันล้ำค่า ที่เราสามารถมอบให้ผู้อื่นได้ ก็คือ ตัวอย่างที่ดี.
    แปลว่า เหตุว่าเราได้มอบแบบอย่างให้แก่ท่านแล้ว ทั้งนี้เพื่อ ให้ท่านทำดังที่เราได้กระทำแก่ท่าน
  12. คนที่กำลังจมน้ำ เขาจะไม่มัวบ่นว่า เครื่องชูชีพมันเล็กเกินไป.
    แปลว่า จงทำสิ่งสารพัดโดยปราศจากการบ่น และการถกเถียงกัน
  13. คนเขาจะรู้ว่าท่านเป็นใคร มิใช่จากสิ่งที่เขาเห็น แต่จากสิ่งที่เขาได้ยินจากปากของท่าน.
    แปลว่า ให้ความสว่างของท่าน จงฉายแสงต่อหน้ามนุษย์ เขาจะได้เห็นกิจการที่ดีงามของท่าน เขาจะได้ถวายพระเกียรติ แด่พระบิดาเจ้าของท่าน ผู้ประทับอยู่ในสวรรค์
  14. คนเราจะมีชัยมิได้ หากไร้การเริ่มต้น.
    แปลว่า เมื่อท่านมีใจพร้อมอยู่แล้ว ท่านจะได้ทำให้สำเร็จตามความสามารถของท่าน
  15. คนเรามักปรารถนาจะรับใช้พระเป็นเจ้า แต่ในตำแหน่งผู้ถวายคำแนะนำแด่พระองค์.
    แปลว่า จงถ่อมตนเฉพาะพระพักต์ พระเป็นเจ้าผู้ทรงพระอานุภาพ แล้วพระองค์ก็จะทรงให้เกียรติแก่ท่าน เมื่อถึงเวลา
  16. คนเรามักลืมพระเป็นเจ้าทั้งวัน แต่แล้วก็ขอให้พระองค์ ทรงระลึกถึงเขาทั้งคืน.
    แปลว่า ข้าพเจ้าจะอธิษฐานภาวนา และร้องหาพระองค์ ทั้งยามเช้า เวลาเที่ยง และยามเย็น แล้วพระองค์จะสดับฟังข้าพเจ้า
  17. คนโง่คิดว่าเขารู้ทุกอย่าง หากท่านไปถกเถียงกับเขา ท่านก็ยิ่งโง่ไปกว่าเขาเสียอีก
    แปลว่า หากท่านตักเตือนคนที่โอ้อวด ท่านก็จะได้รับแต่เพียงการดูหมิ่น และความเจ็บปวด
  18. ความร่ำรวยของคนเรา มิได้อยู่ที่ว่าเรามี ทรัพย์สินเงินทองมากมายเพียงใด แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราเป็นคนอย่างไร.
    แปลว่า บางคนไม่มีอะไรเลย แต่แสร้งทำเป็นคนร่ำรวย แต่บางคนมีทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ก็แสร้งทำเป็นคนจน
  19. ความลับที่มนุษย์รักษาได้ยากที่สุด คือความเห็นเกี่ยวกับตัวเอง.
    แปลว่า ข้าพเจ้าสำนึกอยู่เสมอว่า พระเป็นเจ้าทรงพระเมตตาต่อข้าพเจ้ามากเพียงใด ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงขอบอกพวกท่านว่า อย่าคิดว่าตัวท่านดีกว่าที่เป็นอยู่จริงๆ จงใช้วิจารณญาณ แล้วจงวัดสภาพของตัวท่านเอง โดยสำนึกว่า พระเป็นเจ้าทรงประทานความเชื่อ ให้แก่ท่านมากมายเพียงใด
  20. ความล้มเหลวมักจะไม่เกิดขึ้น เพราะเขาขาดพรสวรรค์ แต่เพราะเราขาดความเด็ดเดี่ยว.
    แปลว่า อย่าเพิ่งเอือมระอาที่จะช่วยเหลือผู้อื่น ท่านจะได้รับรางวัลเอง เมื่อถึงเวลา
  21. ความสามารถ จะช่วยให้คนไปถึงจุดสุดยอด ของชีวิต แต่อุปนิสัยใจคอต่างหาก ที่จะช่วยให้เขาอยู่ต่อไปได้ในจุดนั้น.
    แปลว่า ความชอบธรรมของคนที่ไร้ตำหนิ ย่อมรักษาทางของเขาให้ตรง แต่คนชั่วร้ายย่อมล้มลง ด้วยความชั่วร้ายของเขาเอง
  22. ความอดทนคือ คุณสมบัติที่ท่านชมเชยผู้ขับ รถข้างหลังท่าน แต่เป็นที่น่ารำคาญสำหรับ ผู้ที่ขับรถอยู่ข้างหน้า.
    แปลว่า เรื่องจบ ดีกว่าเริ่มเรื่อง ความอดทนดีกว่าความหยิ่งยโส อย่าเป็นคนโกรธง่าย เหตุว่าความโกรธมักจะอยู่ในใจของคนโง่
  23. ความอิ่มเอิบใจมิได้หมายความว่า เราได้มาซึ่งสิ่งที่เราต้องการ หากแต่เป็นความพอใจในสิ่งที่เรามีอยู่.
    แปลว่า ข้าพเจ้าไม่ได้บ่นถึงเรื่องความขัดสน ไม่ว่าข้าพเจ้าจะมีฐานะอย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าก็เรียนรู้แล้วที่จะพอใจในสภาพของตน
  24. ความเกียจคร้านและความยากจน เป็นญาติกัน
    แปลว่า หลับนิด เคลิ้มหน่อย กอดมือพักสักนิด แล้วความจนก็จะมาหาถึงเจ้า แล้วทุกอย่างก็จะสูญหายไป
  25. ความเชื่อคือการท้าทายให้จิตวิญญาณ มองไปยังที่ซึ่งตามองไม่เห็น.
    แปลว่า แต่เราดำเนินชีวิตอาศัยความเชื่อ มิได้อาศัยสิ่งที่เรามองเห็น
  26. ความเชื่อเที่ยงแท้ และความกล้าหาญ เปรียบเสมือนว่าว ยิ่งมีลมต้าน มักยิ่งร่อนสูงขึ้น.
    แปลว่า ส่วนผู้ที่รอคอยพระเจ้า จะฟื้นฟูพลังของตนเอง เขาจะมีปีกโผบินดังเช่นนกอินทรีย์ เขาจะวิ่งแต่ก็ไม่เหน็ดเหนื่อย เขาจะเดินแต่ก็ไม่เป็นลม
  27. ความโมโหมักทำให้เราตกอยู่ในความลำบาก แต่ความหยิ่งต่างหาก ที่ทำให้เราอยู่ในสภาพนั้น
    แปลว่า ความเย่อหยิ่งมาก่อนการถูกทำลาย จิตใจที่ยโสมักจะมาก่อนการหกล้ม การมีจิตถ่อมตนกับคนยาก ดีกว่า ที่จะได้ส่วนแบ่งจากของที่ริบมาจากคนหยิ่ง
  28. คำพูดคือหน้าต่าง ที่เปิดให้เห็นหัวใจของท่าน.
    แปลว่า เจ้าเป็นคนชั่วแล้วจะพูดความดีได้อย่างไร เหตุว่าปากนั้นพูดจากสิ่งที่มาจากใจ
  29. คำว่า ไม่ เป็นหนึ่งในจำนวนไม่กี่คำ ที่จะมีคนเข้าใจผิดได้ง่าย.
    แปลว่า เมื่อท่านจะสัญญาอะไร ก็เพียงแต่บอกว่า ใช่ หรือ ไม่ใช่
  30. จงรักษาความประพฤติของท่าน แล้วชื่อเสียงของท่าน ก็จะรักษาตัวของมันเอง.
    แปลว่า การออกกำลังกายนั้น นับว่าดีสำหรับร่างกายของท่าน แต่ศาสนาจะช่วยท่านในทุกด้าน ศาสนาสัญญาว่า ท่านจะได้รับชีวิตในปัจจุบันและตลอดไป
  31. จงลืมตัวท่าน เพื่อผู้อื่น แล้วเขาจะไม่ลืมท่าน.
    แปลว่า ดังนั้นสิ่งใดที่ท่านปรารถนา ให้ผู้อื่นกระทำแก่ท่าน ท่านก็จงกระทำสิ่งนั้นแก่เขา เพราะนี่กฎบัญญัติ และคำสอนของบรรดาประกาศก
  32. จงหล่อเลี้ยงความเชื่อ แล้วความสงสัยก็จะอดตายไปเอง.
    แปลว่า ท่านทั้งหลายไม่ใช่คนที่เสื่อมเสีย และถึงซึ่งความพินาศ แต่เป็นคนที่เชื่อมั่น ดังนั้นชีวิตของท่านจึงปลอดภัย
  33. จงเป็นห่วงว่าพระเป็นเจ้าทรงคิดอย่างไรกับท่าน มากกว่าการเป็นห่วงว่าคนอื่นเขาจะคิดอย่างไร.
    แปลว่า เปโตรและสาวกอื่นๆ ตอบว่า เรานอบน้อมเชื่อฟังพระเป็นเจ้าดีกว่ามนุษย์
  34. จงเรียนรู้จากความผิดพลาดของผู้อื่น แทนที่จะทำผิดเสียเองในทุกเรื่อง.
    แปลว่า ทางของคนโง่นั้นถูกต้องในสายตาของเขาเอง แต่ปราชญ์ย่อมฟังคำแนะนำ
  35. ชิวิตคงจะง่ายขึ้นมาก หากคนเรา แสดงความอดทนในครอบครัว ให้เท่ากับเวลาที่เขาไปนั่งตกปลา.
    แปลว่า ท่านที่เป็นสามี ก็จงอยู่กับภรรยาของท่าน ด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน
  36. ชื่อเสียงนั้นสร้างขึ้นได้ในพริบตาเดียว แต่อุปนิสัยใจคอนั้น ต้องใช้เวลาสร้างตลอดชีวิต.
    แปลว่า ข้าพเจ้ายึดมั่น ในความถูกต้องของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่ยอมปล่อยไป จิตใจข้าพเจ้าจะติเตียนข้าพเจ้ามิได้เลย ตราบที่ข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่
  37. ตายพร้อมกับชื่อเสียงที่ดี ดีกว่ามีชีวิตกับชื่อเสียงที่ใช้ไม่ได้.
    แปลว่า ชื่อเสียงดี ย่อมมีค่ามากกว่าเครื่องหอมอันมีค่า
  38. ทุกคนควรมีหลุมฝังศพตัวเอาไว้ เพื่อใช้ฝังความผิดของเพื่อนๆ และผู้ที่เขารัก.
    แปลว่า ท่านจงเมตตาต่อกัน มีใจเอ็นดูต่อกัน และอภัยโทษให้กัน เหมือนดังที่พระเจ้า ได้ทรงโปรดอภัยให้แก่ท่านในพระคริสต์
  39. ท่านคลุกคลีกับใคร ก็ย่อมจะบ่งให้เห็นว่า ท่านกำลังจะพบกับความยุ่งยากอย่างไร.
    แปลว่า อย่าไปผูกมิตรกับคนที่โกรธง่าย ท่านอาจจะเป็นเหมือนเขา และติดอยู่ในกับดัก
  40. ท่านสามารถทำอะไรร่วมกับพระเป็นเจ้า ให้สำเร็จได้ภายในหนึ่งชั่วโมง มากกว่าที่ท่านจะทำได้ตลอดชีวิต โดยปราศจากพระองค์.
    แปลว่า สำหรับพระเป็นเจ้านั้น ทุกสิ่งย่อมเป็นไปได้
  41. ท่านเพียงตื่นตอนกลางวันก็พอแล้ว.
    แปลว่า เราต้องกระทำพระราชกิจของพระองค์ ผู้ทรงใช้เรามาเมื่อยังเป็นเวลากลางวันอยู่ เมื่อถึงเวลากลางคืนไม่มีผู้ใดทำงานได้
  42. บทเรียนจากการมองดูนาฬิกาก็คือ มันทำให้เวลาผ่านไปก็จริง แต่มันขยันทำงานตลอดเวลา.
    แปลว่า การเป็นคนเกียจคร้าน ก็ไม่แตกต่างอะไรกับคนที่ชอบทำลาย
  43. บนบานประตูแห่งโอกาส ย่อมมีเขียนว่า ผลัก หรือ ดึง
    แปลว่า วิญญาณของคนเกียจคร้าน มีความอยากได้ แต่ไม่ได้อะไรเลย ฝ่ายวิญญาณของคนขยัน จะอ้วนพี
  44. บุคคลที่ยากจนที่สุด ไม่ใช่คนที่ไม่มีเงิน หากแต่เป็นบุคคล ที่ไม่มีความฝัน.
    แปลว่า มนุษย์จะตกยาก หากไร้วิสัยทัศน์
  45. บ่อยครั้งมนุษย์คิดว่าจิตใจเขาเปิดกว้างขึ้น อันที่จริงแล้ว มโนธรรมเขาต่างหากที่ยืดออก.
    แปลว่า สำหรับผู้มีจิตใจบริสุทธิ์ ทุกอย่างก็ย่อมบริสุทธ์ผุดผ่อง แต่สำหรับผู้มีใจชั่วร้ายและไร้ความเชื่อ ไม่มีอะไรเลยที่บริสุทธิ์ ทั้งจิตใจและมโนธรรมของผู้นั้น ถูกทำลายไปหมดแล้ว
  46. ปัญหาของผู้ที่พูดเร็วเกินไปก็คือ เขามักจะพูดสิ่งที่เขายังคิดไม่ถึง.
    แปลว่า อย่ารีบพูด อย่าให้ใจท่านด่วนกล่าวสิ่งใดต่อพระพักต์พระเป็นเจ้า เหตุว่าพระเป็นเจ้าประทับในสวรรค์และเจ้าอยู่ในโลก ฉะนั้นขอให้เจ้าจงพูดน้อย
  47. ผู้ที่นำแสงอาทิตย์ เข้ามาในชีวิตของผู้อื่น ย่อมไม่สามารถกั้นแสงนั้น จากชีวิตของตนเองได้.
    แปลว่า อย่าหลงผิด ไม่มีใครหลอกพระเป็นเจ้าได้ สิ่งใดที่มนุษย์หว่านไว้ เขาก็จะเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น
  48. ผู้ที่มีสิทธิ์ในความรักน้อยที่สุด คือผู้ที่ต้องการความรักมากที่สุด.
    แปลว่า แต่เราสั่งให้ท่านรักศัตรู และอธิฐานภาวนา ให้ผู้ที่กระทำผิดต่อท่าน
  49. ผู้ที่ไม่ตื่นเต้นกับงานของตน คนเขาเรียกผู้นั้นว่า คนว่างงาน
    แปลว่า ไม่ว่าท่านจะทำอะไร ก็จงทำด้วยความตั้งใจ เหมือนกับท่านกำลังรับใช้ พระเป็นเจ้าพระองค์เอง มิใช่เจ้านายฝ่ายโลก
  50. ผู้ที่ไม่ให้อภัย คือผู้ที่ทำลายสะพานที่เขาเองจะต้องข้าม.
    แปลว่า หากท่านให้อภัยความผิด ที่ผู้อื่นกระทำต่อท่าน พระบิดาเจ้าของท่านในสวรรค์ ก็จะทรงให้อภัยแก่ท่านด้วย
  51. พระเจ้าเป็นผู้ทรงสามารถรักษาดวงใจที่สลายได้ แต่พระองค์จำเป็นต้องมีทุกชิ้นส่วนของดวงใจนั้น.
    แปลว่า ลูกรัก จงมอบดวงใจให้แก่เราเถิด
  52. พระเป็นเจ้าบวกกับเรา เท่ากับเสียงส่วนมาก.
    แปลว่า ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา ใครเล่าจะขัดขวางเรา
  53. พระเยซูเจ้าคือพระสหาย ผู้ทรงทราบถึง ความผิดตกบกพร่อง อันมากมายของท่าน แต่ก็ยังทรงรักท่านอยู่เช่นเดิม.
    แปลว่า พระเจ้าทรงสำแดงความรัก ของพระองค์แก่เราทั้งหลาย คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา
  54. พระเยซูเจ้าคือพระสหาย ผู้ทรงย่างกายเข้ามา เมื่อโลกย้ายออกไป.
    แปลว่า เราบอกสิ่งเหล่านี้แก่ท่าน เพื่อท่านจะได้มีสันติในจิตใจของท่านเนื่องจากเรา ระหว่างที่ท่านอยู่ในโลก ท่านจะต้องทรมาน แต่จงทำใจดีไว้เถิด
  55. ภาษาคือการสำแดงออกซึ่งความคิด ทุกครั้งที่ท่านพูด จิตใจของท่านก็กำลังเดิน ขบวนพาเหรดให้ชาวบ้านเขาเห็น.
    แปลว่า คนดี ทำดี เพราะความดีอยู่ในใจเขา คนชั่ว ทำชั่ว ก็เพราะความชั่วที่อยู่ในใจเขา วาจาของท่านย่อมแสดงให้เห็น สิ่งที่อยู่ในใจของท่าน
  56. มรดกอันประเสริฐที่บิดามอบให้บุตร ก็คือ ตัวอย่างที่ดี ท่านก็ทราบดีแล้วว่า เราได้กระทำทุกอย่างเพื่อท่าน ดังบิดามารดา พึงกระทำต่อบุตรหลานของตน (1เธสสะโลนิกา 2:11)
    แปลว่า พระเป็นเจ้าจะทรงเข้ามาสาละวนกับเรื่องของมนุษย์ ก็ต่อเมื่อพระองค์ได้รับเชิญเท่านั้น. ดูเถิด เรายืนอยู่และเคาะที่ประตูของท่าน หากท่านได้ยินเสียงของเราแล้วเปิดประตู เราก็จะเข้ามาร่วมรับประทานอาหารกับท่าน
  57. มีสองสิ่งที่เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อหัวใจ นั่นคือ การวิ่งขึ้นบันได และการวิ่งทับหัวใจของคนอื่น.
    แปลว่า จงหยุดพูดจาชั่ว จงกล่าวสิ่งที่ถูกต้องในเวลาอันควร และจงช่วยเหลือผู้อื่น อาศัยสิ่งที่ท่านพูด
  58. มโนธรรม คือ เครื่องเตือนภัยซึ่งพระเป็น ทรงติดตั้งให้ไว้กับท่าน จงดีใจเมื่อมันทำให้ ท่านรู้สึกเจ็บ แต่จงระวังเมื่อท่านไม่รู้สึกเจ็บ.
    แปลว่า ในข้อนี้ ข้าพเจ้าพยายามประพฤติตามมโนธรรม โดยมิให้กระทำผิดต่อพระเป็นเจ้า และต่อเพื่อนมนุษย์
  59. รถไฟของความล้มเหลว มักวิ่งอยู่บนรางของความเกียจคร้าน.
    แปลว่า ความเกียจคร้านมากมาย ทำให้ตึกรามเสื่อมสภาพ บ้านช่องพังลงก็เพราะมือที่เฉื่อยชา
  60. ลองครั้งแรกไม่สำเร็จ ก็ลองอ่านคู่มือดูซิ.
    แปลว่า จงยึดมั่นในคำสอนของเรา อย่าได้ปล่อยไป จงรักษาไว้ เพราะนั่นคือชีวิตของเจ้า
  61. ลูกหลานของเราเปรียบเสมือนกระจกเงา เขาสะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกนึกคิดในชีวิต ของเรานั่นเอง.
    แปลว่า คนดีเจริญชีวิตด้วยคุณธรรม และพระเป็นเจ้าทรงประธานพระพรแก่ลูกหลาน ที่เจริญชีวิตตามแบบฉบับของเขา
  62. ศิลปะของการเป็นแขกที่ดี คือการรู้ว่าเมื่อไรควรจะกล่าวคำอำลา
    แปลว่า อย่าไปเยี่ยมเพื่อนบ่อยเกินไป เพราะเขาจะรู้สึกเอือมระอา และเริ่มเกลียดชังท่าน
  63. สมบัติอันล้ำค่าของท่านก็คือ เวลา 24 ชั่วโมง ที่กำลังรอท่านอยู่.
    แปลว่า ข้าพเจ้ารำพึงในใจของข้าพเจ้าว่า พระเจ้าจะทรงพิพากษาคนชอบธรรม และคนอธรรม เพราะทุกเรื่องถูกกำหนดไว้ และการงานทุกอย่างก็ถูกกำหนดไว้ด้วย
  64. สะพานที่ท่านจุดไฟเผาในวันนี้ อาจจะเป็นสะพานที่ท่านจะต้องใช้ข้าม ในวันข้างหน้า.
    แปลว่า จงพยายามสุดความสามารถ ที่จะเจริญชีวิตในสันติกับทุกคน
  65. สะพานเชื่อมที่ดีเลิศระหว่างความหวัง กับ ความหมดหวัง ก็คือ การนอนหลับให้เต็มอิ่ม.
    แปลว่า ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะตื่นเช้า นอนดึก เพื่อทำมาหาเลี้ยงชีพ พระเป็นเจ้าทรงดูแลผู้ที่พระองค์ทรงรัก แม้ในยามที่เขานอนหลับ
  66. สิ่งที่สำคัญมิได้อยู่ที่ว่า ท่านอุทิศเวลากี่ชั่วโมง แต่สำคัญอยู่ที่ว่า ท่านใส่อะไรเข้าไปในชั่วโมงเหล่านั้น.
    แปลว่า เมื่อมีอะไรทำ ก็ขอให้ทำจนสุดความสามารถ
  67. หนทางที่ดีที่สุดที่จะลืมปัญหาของตนเอง ก็คือการช่วยแก้ปัญหาให้ผู้อื่น.
    แปลว่า มนุษย์ อย่ามองเพียงปัญหาของตนเอง แต่ทุกคนควรมองดูปัญหาของผู้อื่น
  68. หนทางสู่ความสำเร็จ คือการนำเอาคำแนะนำ ที่ท่านมอบให้ผู้อื่น มาใช้กับตัวท่านเอง.
    แปลว่า ท่านที่ไม่สนใจกับกฎวินัย ย่อมดูหมิ่นตนเอง แต่บุคคลที่รับฟังคำตักเตือน ก็จะได้รับความเข้าใจ
  69. หัวใจมีความสุขมากที่สุด เมื่อมันเต้นเพื่อคนอื่น.
    แปลว่า ไม่มีผู้ใดมีความรักเท่ากับ ผู้ที่ยอมสละชีวิตของตนเองเพื่อผู้อื่น
  70. หากความห่วงใยน้อยนิดเกินกว่าที่จะคิด เอามาสวดภาวนา ก็คงจะเป็นเรื่องเล็กน้อย เกินกว่าที่เอามาใส่บ่าแบกหาม.
    แปลว่า พระเป็นเจ้าทรงห่วงใยท่าน ดังนั้น ท่านจงมอบความกังวลทั้งสิ้นไปกับพระองค์
  71. หากท่านทำสิ่งที่ท่านกลัว ความกลัวก็จะหมดฤทธิ์.
    แปลว่า โมเสสส่งคนเผ่าละพันคนออกไปทำสงคราม ทั้งคนเหล่านั้น กับฟีเนหัสบุตรเอเลซาร์ปุโรหิต พร้อมกับเครื่องใช้ของสถานนมัสการ และมีแตรปลุกอยู่ในมือ
  72. หากท่านอยากชนะใจเพื่อน จงใช้หูฟังแทนที่จะใช้ปากพูด.
    แปลว่า จงให้ทุกคนไวในการฟัง แต่ช้าในการพูด และช้าในการโกรธ
  73. หากท่านไม่ต้องการดอกผลของบาป ก็อย่าเข้าไปในสวนของเจ้าปีศาจ.
    แปลว่า อย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความชั่วร้ายเป็นอันขาด
  74. อย่าปล่อยให้โอกาสของท่านที่จะหุบปาก ผ่านไปได้เป็นอันขาด.
    แปลว่า แม้คนโง่ ก็ถือว่าเป็นคนฉลาด เมื่อเขารู้จักสงบปากสงบคำ ผู้ที่รู้จักปิดปากตัวเอง เขาก็ถือว่าเป็นผู้มีความเข้าใจที่ดี
  75. อารมณ์ร้ายของท่านเปรียบเสมือนไฟใหม้ หากควบคุมไม่ได้ ก็อาจเกิดความเสียหายมากมาย.
    แปลว่า ผู้ที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ ก็เหมือนกับเมืองที่ไม่มีกำแพง
  76. อุปนิสัยของคนนั้นมิได้อยู่ที่ว่า บรรพบุรุษได้ทิ้ง มรดกอะไรไว้ให้เขาบ้าง แต่ขึ้นอยู่กับว่าตัวเขาเอง ได้ทิ้งมรดกอะไรไว้ให้ลูกหลานของเขา.
    แปลว่า คนดีจะทิ้งมรดกให้ลูกหลาน แต่ทรัพย์สมบัติของคนบาปนั้น สะสมไว้สำหรับผู้ชอบธรรม
  77. เคล็ดลับของความพอใจ คือการสำนึกว่า ชีวิตคือพระพร มิใช่สิทธิ.
    แปลว่า ศาสนาทำให้คนมั่งมี หากเขาพอใจในสิ่งที่เขามีอยู่ เรามิได้นำอะไรติดตัวมาในโลก และเมื่อจากไป เราก็ไม่สามารถนำเอาอะไรติดตัวไปได้
  78. เพื่อนๆ ของท่านก็คล้ายกับปุ่มของลิฟต์ เขาจะพาท่านให้ขึ้นก็ได้ ลงก็ได้.
    แปลว่า ผู้ที่ผูกมิตรกับคนฉลาด ก็จะเป็นคนฉลาด หากท่านผูกมิตรกับคนโง่ ตัวท่านเองอาจถูกทำลาย
  79. เมื่อทุกอย่างมันวุ่นวายไปหมด ก็จงอดใจ อย่าวุ่นวายไปกับมัน.
    แปลว่า อย่าไปเลียนแบบที่ไม่ดี ของคนชั่วช้าและเลวทราม
  80. เมื่อพระเป็นเจ้าทรงวัดมนุษย์ พระองค์ทรงเอาเทป วัดใจแทนที่จะทรงวัดสมอง.
    แปลว่า พระเป็นเจ้ามิได้ทรงทอดพระเนตร ดังเช่นมนุษย์ มนุษย์มองดูรูปร่างภายนอก แต่พระเป็นเจ้าทรงทอดพระเนตร จิตใจ
  81. เมื่อเผชิญกับปัญหาขนาดยักษ์แบบ โกลิอัท ท่านจะตอบว่า มันใหญ่เกินไป สู้ไม่ไหว หรือจะตอบแบบดาวิดว่า ถ้าใหญ่อย่างนี้ย่อมไม่พลาดแน่ ?
    แปลว่า พระเจ้าทรงช่วยให้ข้าพเจ้า พ้นจากอุ้มเท้าของสิงห์โตและหมีมาแล้ว พระองค์ก็จะทรงช่วยให้ข้าพเจ้า พ้นจากเงื่อมมือของชาวฟิลิสเตียผู้นี้
  82. เราจะรู้ซึ้งถึงความเชื่อ ก็ต่อเมื่อ เราเริ่มสั่งสอนลูกหลาน.
    แปลว่า ฝ่ายท่านผู้เป็นบิดา อย่ายั่วให้บุตรของท่านเกิดโทสะ แต่จงอบรมบุตรด้วยการสั่งสอน และเตือนสติตามหลักธรรมของพระเป็นเจ้า
  83. เราจะรู้อุปนิสัยใจคอที่แท้จริงของคนได้ ก็โดยสังเกตุว่าเขาทำอะไร เมื่อไม่มีใครเห็น.
    แปลว่า จงทำให้นายพอใจเสมอ มิใช่เวลาที่ท่านคิดว่านายกำลังมองอยู่ ท่าน คือ ทาสของพระคริสตเจ้า ดังนั้นท่านจงกระทำสิ่งที่พระเป็นเจ้า ทรงปรารถนาจากท่าน ด้วยความเต็มใจ
  84. เราดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยสิ่งที่เราได้รับ แต่เรากลับเป็นผู้มอบชีวิต เมื่อเราเป็นผู้ให้
    แปลว่า ข้าพเจ้าได้ให้ตัวอย่างแก่ท่านแล้วในทุกสิ่ง ให้ท่านเห็นว่าการกระทำดังนี้ ท่านจะสามารถช่วยผู้ที่อ่อนแอ ท่านจงรำลึกถึงพระวาจาของพระเยซูเจ้าที่ตรัสว่า การให้ย่อมได้บุญมากกว่าการรับ
  85. แต่ละวันที่ผ่านไป คล้ายกับกระเป๋าที่มีขนาดเท่ากัน คนบางคนสามารถใส่ข้าวของเข้าไป ในกระเป๋านั้นมากกว่าผู้อื่น.
    แปลว่า ดังนั้นท่านจงระมัดระวัง ในการดำเนินชีวิต อย่าให้เหมือนคนไร้ปัญญา แต่ให้เหมือนผู้มีปัญญา จงฉวยทุกโอกาสที่ผ่านเข้ามา
  86. แม้หญ้าในสนามของบ้านข้างเคียง จะดูเขียวกว่าบ้านของเรา แต่ก็ยังต้องตัดอยู่นั่นเอง
    แปลว่า จงพอใจในสิ่งที่ท่านมีอยู่
  87. โชคดี คือข้อแก้ตัวที่ผู้แพ้มอบให้กับผู้ชนะ.
    แปลว่า วิญญาณของคนเกียจคร้านมีแต่ความอยาก แต่เขาจะไม่ได้อะไรเลย ฝ่ายวิญญาณของคนขยัน จะอ้วนพี
  88. ใครร่วมวงนินทากับท่าน ผู้นั้นก็จะนำเอาเรื่องของท่านไปนินทาต่อ.
    แปลว่า บุคคลที่เที่ยวซุบซิบมักเผยความลับ แต่บุคคลที่ไว้วางใจได้ ย่อมสามารถปิดบังทุกสิ่งไว้ได้

คิดว่าน่าจะเต็มอิ่มกับปรัชญาจากพระคัมภีร์ไบเบิลทั้ง 88 คำกันไปแล้วเนอะ หวังว่าน่าจะพอมีประโยชน์ให้นำไปใช้ต่อในชีวิตประจำวันกัน

หากยังไม่เจอคำไหน หรือคิดว่ามีตกหล่นไป สามารถแจ้งแนะนำกันเข้ามาได้เลย


รายการปรัชญาจากพระคัมภีร์ไบเบิลยอดนิยมอื่น ๆ

 แสดงความคิดเห็น
 ปรัชญาจากพระคัมภีร์ไบเบิลที่ได้รับความนิยม